สถานที่ใต้ดินซึ่งเป็นที่ฝังศพคนตายโดยปกติจะอยู่ใต้พื้นหลักของโบสถ์ ห้องใต้ดินตั้งอยู่ภายในสุสานหอศิลป์ใต้ดินโดยมีจุดประสงค์หลักในการฝังศพและเป็นสถานที่ที่ผู้มีชื่อเสียงทางศาสนาเช่นพระสันตปาปาหรือผู้พลีชีพเพื่อพักผ่อน ห้องใต้ดินถูกประดับประดาด้วยภาพแทนและกระเบื้องโมเสคที่จำลองฉากจากพระคัมภีร์
ห้องใต้ดินแรกมีจุดมุ่งหมายเพื่อซ่อนผู้พลีชีพของผู้ดูหมิ่นและสำหรับพวกเขาพวกเขาขุดลงไปในหิน หลังจากที่คริสตจักรเหล่านี้ถูกยกขึ้นเหนือหลุมศพเหล่านี้
ปัจจุบันห้องหินที่บ้านร่างของผู้ตายที่รู้จักกันเป็นห้องใต้ดินซึ่งสามารถอยู่ในวิหาร แต่ยังอยู่ในสุสานของรัฐหรือเอกชนและนามสกุลในสถานที่ที่มีอยู่ในชั้นใต้ดินของอาคาร
เมื่อเวลาผ่านไปสัจจะเริ่มที่จะสร้างขึ้นในสุสานฟังก์ชั่นนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง: ในสถานที่ประเภทนี้จะมีการฝากผู้คนไว้ ถ้าฝังศพใต้ถุนโบสถ์ที่สร้างขึ้นในระดับของพื้นดินที่เรียกว่าหลุมฝังศพ
โดยปกติสถานที่ฝังศพคือแกลเลอรีใต้ดินที่ขุดลงไปในดินหรือที่เรียกว่าสุสาน ในนั้นมีพื้นที่เฉพาะสำหรับฝังศพคนตายและสถานที่นั้นคือห้องใต้ดิน ส่วนใหญ่แล้วห้องใต้ดินจะมีสกายไลท์บนเพดานเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้แสงสว่างและการระบายอากาศของสถานที่ นอกจากจะทำหน้าที่เป็นสุสานแล้วสถานที่แห่งนี้ยังใช้เป็นที่สักการะทางศาสนาอีกด้วย
ไม่ว่าในกรณีใดสุสานที่สร้างห้องใต้ดินยังคงถูกสร้างต่อไปจนกระทั่งจักรพรรดิธีโอโดซิอุสได้กำหนดให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาอย่างเป็นทางการของจักรวรรดิโรมันในปีค. ศ. 380
บนมืออื่น ๆ ในพฤกษศาสตร์ห้องใต้ดินเป็นหลุมลึกที่มีผักบางชนิดตัวอย่างเช่นใบของพืช xerophytic บางชนิดอาจมีปากใบซ่อนอยู่ในห้องใต้ดินนั่นคือในรู (ช่องปากใบ)
โบสถ์คริสต์หลายแห่งในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นบนสุสานและห้องใต้ดินดั้งเดิม สถานที่เหล่านี้ยังคงมีผู้แสวงบุญมาเยี่ยมเยียน ในนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะพบหลุมฝังศพของนักบุญและผู้พลีชีพของคริสตจักรคริสเตียนยุคแรกและในขณะเดียวกันก็เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบสัญลักษณ์ของศิลปะคริสเตียนยุคแรก (คริสมออนที่หมายถึงร่างของพระคริสต์ภาพของผู้เลี้ยงแกะที่ดีภาพวาด ของนกยูงเป็นตัวแทนของความเป็นอมตะของวิญญาณหรือ Anchor ที่เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตในอนาคต)